ย้ายโค้ด XSection Plot
ในขณะนี้ทำงานอยู่ที่บังคลาเทศ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่กรุงธากา มีโอกาสกลับมาพัก ก็พอมีเวลาว่างพยายามย้ายโค้ดของโปรแกรม XSection Plot จากของเดิมที่พัฒนาด้วย PyQt5 ที่ยังติดเรื่องลิขสิทธิ์บางส่วน โดยย้ายมาใช้ PySide2 ที่เปิดกว้างกว่า ความจริงทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์ (Engine) เดียวกันคือ Qt5 platform ดังนั้นเมื่อย้ายโค้ดสำเร็จแล้วเวลารันก็หน้าตาเหมือนกันเป๊ะดังรูปด้านล่างที่คอมไพล์ด้วย PySide2
จัดการปลั๊กอิน PySide2
การย้ายโค๊ดใช้เวลาไม่นานนัก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากผมเคยย้ายโค้ด Surveyor Pocket Tools ทำให้รู้แนวทางลัดพอสมควร อันดับแรกขอย้อนกลับหน่อย เนื่องจาก PySide2 จะมองหาโฟลเดอร์ลิ๊งค์ไลบรารีของตัวเองชื่อ “plugins” ถ้าไม่เจอจะ error แล้วหยุดทันที ดังนั้นก่อนอื่นควรจะแทรกโค๊ดนี้เข้าไปก่อน เริ่มตั้งแต่ import PySide2 ตามด้วยตรวจสอบว่า PySide2 อยู่ที่โฟลเดอร์ไหนจัดเก็บเข้าตัวแปร dirname จากนั้นค้นหาพาทของ “plugins” ที่อยู่ใต้โฟลเดอร์ dirname ด้วยคำสั่ง os.path.join()
import os import sys import PySide2 dirname = os.path.dirname(PySide2.__file__) plugin_path = os.path.join(dirname, 'plugins', '') os.environ['QT_QPA_PLATFORM_PLUGIN_PATH'] = plugin_path print('plugin_path = ', plugin_path)
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ผม จะปริ๊นท์พาทของ “plugins” ดังนี้
plugin_path = C:\Miniconda3\envs\py36_64\lib\site-packages\PySide2\plugins\
เพราะว่าผมใช้ Miniconda เป็นตัวจัดการระบบ environment ของ python ผมสร้าง envs ชื่อ “py36_64” เป็น python รุ่น 3.6 แบบ 64 บิต และ PySide2 ก็จะถูกติดตั้งมาอยู่ภายใต้โฟลเดอร์นี้ อีก envs หนึ่งที่สร้างไว้ชื่อ “py36_32” เป็น python รุ่น 3.6 แบบ 32 บิต เมื่อรันโปรแกรมแล้วจะปริ๊นท์พาทมาดังนี้
plugin_path = C:\Miniconda3\envs\py36_32\lib\site-packages\PySide2\plugins\
วิธีการสร้าง environment สำหรับไพทอนก็กลับไปดูโพสต์เก่าของผมได้ครับ
เปลี่ยนคำ PyQt5 เป็น PySide2
ยังอยู่ในส่วน import ที่โค๊ดเดิมของโปรแกรมผมเรียกใช้ไลบรารีของ PyQt5 ดังนี้
from PyQt5.QtGui import QPixmap, QIcon, QKeySequence, QFont, QIntValidator, QCursor from PyQt5.QtCore import Qt, pyqtSlot, QSettings, QFileInfo, QSize, QFile from PyQt5.QtWidgets import QUndoStack, QSplashScreen, QApplication, QMainWindow, QTabWidget, QAction, QStatusBar,\ QMenu, QWidget, QSizePolicy, QLineEdit, QFileDialog, QMessageBox, QDesktopWidget
เปลี่ยนเป็น
from PySide2.QtGui import QPixmap, QIcon, QKeySequence, QFont, QIntValidator, QCursor from PySide2.QtCore import Qt, Slot, QSettings, QFileInfo, QSize, QFile from PySide2.QtWidgets import QUndoStack, QSplashScreen, QApplication, QMainWindow, QTabWidget, QAction, QStatusBar,\ QMenu, QWidget, QSizePolicy, QLineEdit, QFileDialog, QMessageBox, QDesktopWidget
ส่วนใหญ่เกือบ 99.99% ที่เหมือนกัน ยกเว้น Signal & Slot
Signal and Slot
มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย เช่นเดิมใน PyQt5 เรียกใช้ pyqtSlot, pyqtSignal ให้เปลี่ยนเป็น Slot, Signal ใน PySide2 ครับ
นอกจากส่วน import แล้ว ในโค๊ดเดิมที่ประกาศคลาส โค้ดเดิมผมเรียกใช้ Signal and Slot ดังนี้
class OverlapSection(QObject): '''Horizontal & Vertical overlapped.''' overlapped = pyqtSignal(str) def __init__(self): QObject.__init__(self) def emitOverlapSignal(self, message): self.overlapped.emit(message)
เปลี่ยนใหม่เป็น
class OverlapSection(QObject): '''Horizontal & Vertical overlapped.''' overlapped = Signal(str) def __init__(self): QObject.__init__(self) def emitOverlapSignal(self, message): self.overlapped.emit(message)
ติดตั้ง PySide2
ก็ขอแนะอีกนิดว่า PySide2 เวลาติดตั้งให้ใช้แพ๊คเกจแบบ wheel ที่ทางทีมงานได้ทำไว้ดีกว่าครับ ติดตั้งง่ายไม่งอแง ดาวน์โหลดได้ตามลิ๊งค์นี้ จะสังเกตเห็นชื่อไฟล์ประมาณนี้
PySide2-5.6-cp35-cp35m-win32.whl PySide2-5.6-cp35-cp35m-win_amd64.whl PySide2-5.6-cp36-cp36m-win32.whl PySide2-5.6-cp36-cp36m-win_amd64.whl
จะเห็นว่า PySide2 สนับสนุนทั้งไพทอน 3.5 และ 3.6 และในตอนนี้ Qt5 รุ่น 5.6 สำหรับคำสั่งที่ติดตั้งก็ง่ายๆใช้ pip ตามด้วยชื่อไฟล์ wheel
pip install PySide2-5.6-cp36-cp36m-win_amd64.whl
ปัจจุบันสามารถติดตั้งโดยคำสั่ง pip install PySide2
สรุปแล้วการย้ายโค้ดง่ายๆไม่ลำบากกินแรง แต่ไปกินแรงเข็นครกอีกทีคือตอนสร้างไบนารีไฟล์ด้วย Pyinstaller ความจริง Pyinstaller ถ้าเข้าใจแล้วปรับใช้ได้ไม่ยาก แต่สำหรับมือใหม่บอกตรงๆว่า ถ้าโปรแกรมที่พัฒนาเรียกใช้ไลบรารีมากหลายอันแล้ว เป็นนรกลูกย่อมๆครับ ถ้าไลบรารีตัวไหนมีคนเขียนไฟล์ hook ให้ก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าไม่มีต้องออกแรงกันพอสมควร สำหรับ PySide2 ผมจัดการแบบ manual ครับ รู้ว่าตอนโปรแกรมรันมันต้องการอะไร ตอนใช้ Pyinstaller ผมก็จัดการ copy ไฟล์ไปตามต้องการ ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนเรื่องการใช้ Pyinstaller อีกสักตอน พบกันตอนหน้าครับ